ดีเอสไอรับตึก สตง.ถล่มเป็นคดีพิเศษ ชี้ความผิดนอมินีชัดสุด

อธิบดีดีเอสไอ รับคดีตึก 30 ชั้น สตง.ถล่ม เป็นคดีพิเศษ พร้อมตั้งกรรมการสอบสวน พบฐานานุรูปบริษัทไทยร่วมค้าไม่น่าเชื่อถือส่อเข้าข่ายเป็นนอมินี

วันนี้ (2 เม.ย.2568) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าหลังรับคดีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินถล่ม เข้าเป็นคดีพิเศษ ว่า ภายหลังที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุถึงข้อสงสัยว่าบริษัทสัญชาติจีน ที่รับเหมาก่อสร้าง อาจมีบริษัทไทยร่วมค้าเป็นนอมินี จึงมอบหมายให้ดีเอสไอตรวจสอบข้อเท็จจริง

ขณะนี้ดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษ ได้รับเป็นคดีพิเศษเลขที่ 32/2568 โดยเป็นไปตามเงื่อนไขเข้าลักษณะความผิดท้ายบัญชี ตาม พ.ร.บ.คดีพิเศษ ที่ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณารับเข้าคดีพิเศษได้โดยไม่ต้องเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษ

ขั้นตอนหลังจากนี้ จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยมีรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหัวหน้าคณะ ส่วนการพิจารณาความผิด ขณะนี้พบเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือ นอมินี , ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือ ฮั้วประมูล

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ ว่า ความผิดที่พบชัดเจน คือ คดีนอมินี ความหมายคือ ไม่ใช่ตัวจริง จากการตรวจสอบ แม้จะพบว่า มีคนไทยถือหุ้นอยู่ร้อยละ 51 แต่จะตรวจสอบกลุ่มนี้ ว่าสอดคล้องกับฐานานุรูปหรือไม่ ซึ่งถือว่า ผิดปกติจากที่ทำธุรกิจขนาดใหญ่และมีมูลค่ามาก

โดยพบว่า คนไทยกลุ่มนี้ยังถือหุ้นกับบริษัทอื่นไม่ต่ำกว่า 3 บริษัทในเครือ จากทั้งหมด 13 บริษัท ซึ่งจะตรวจสอบเส้นทางการจดทะเบียน ,ประกอบธุรกิจ ,กรรมการผู้ถือหุ้น และตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทที่ได้งานประมูลโครงการภาครัฐและอื่นๆ ว่าเข้าข่ายฮั้วประมูลหรือไม่

ส่วนประเด็นที่เข้าข่ายมีความผิด ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. จะต้องตรวจสอบการก่อสร้างทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องเหล็ก แต่ในรายละเอียดอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานโดยผู้เชี่ยวชาญ

ส่วนเรื่องฮั้วประมูล จะตรวจสอบ เรื่องการเทียบราคากลาง และบริษัทคู่เทียบ ว่า มีจริงหรือไม่ ซึ่งจะต้องสืบสวนข้อเท็จจริงจากคดี นอมินีก่อน นอกจากนี้ จะตรวจสอบในประเด็นวิศวกรก่อสร้าง ที่ถือวีซ่านักศึกษา ด้วย

โดยจะเรียกผู้เกี่ยวข้อง เข้ามาให้ปากคำทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและประสานกรมสรรพากร เพื่อเอาเอกสาร ก่อนจะกำหนดลำดับบุคคลที่จะเชิญเข้ามาให้ปากคำ

แหล่งที่มา. thaipbs

นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

© สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2565 อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย