เหล็ก IF ท่วมตลาด 1.6 ล้านตัน ‘ส.อ.ท.’ หวั่นซ้ำรอยภัยพิบัติ!

ส.อ.ท.” เผยข้อมูลน่าตกใจ! เหล็ก IF ครองส่วนแบ่งตลาดในไทยสูงถึง 55% หรือกว่า 1.6 ล้านตันต่อปี เสี่ยงต่อความปลอดภัยของสิ่งก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน วอนรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

นายบัณฑูรย์ จุ้ยเจริญ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากปัญหาการผลิตเหล็กในประเทศไทยขณะนี้ได้สร้างความกังวลให้กับอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทยเป็นอย่างสูง ซึ่ง กลุ่มเหล็ก ส.อ.ท. ได้สะท้อนถึงปัญหา แบ่งเป็น

1. ความจริงที่น่าตกใจ นับตั้งแต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวปลายเดือนมีนาคมที่เกิดเหตุตึกสตง.ถล่ม ข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ ก็ทะยอยเปิดเผยสู่สาธารณะ มีทั้งข้อเท็จจริงที่น่าตกใจ และน่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งความคิดเห็นจากผู้รู้จริงซึ่งเป็นประโยชน์ และที่ไม่รู้จริงก็มี ซึ่งบางอย่างน่าจะก่อทำให้เกิดความสับสนต่อสาธารณชนในสังคม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหล็กเส้นก่อสร้าง กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมฯ ในฐานะกลุ่มผู้ประกอบการโดยตรงอยากจะให้ข้อมูลที่มีส่วนช่วยลดความสับสนและเสนอสิ่งที่ถูกต้องในส่วนที่ข้องกับเหล็กเส้นก่อสร้างต่อภาคสังคม

2. เหล็กเส้นจากเตา EAF กับ IF อุตสาหกรรมหลอมโลหะด้วยไฟฟ้ามีการใช้เทคโนโลยีทั้ง Electric Arc Furnace  และ Induction Furnace มาเป็นเวลานาน โดยอุตสาหกรรมผลิตเหล็กกล้า(Steel)เกือบทั้งหมดในโลกนี้ใช้ Electric Arc Furnace ด้วยความสามารถในการกำจัดสารมลทินด้วยการใช้ออกซิเจนเป่าไล่สารมลทินและธาตุที่จับตัวกับออกซิเจนได้เช่นโบรอน

สำหรับ Induction Furnace ด้วยข้อจำกัดในการกำจัดสารมลทินที่อยู่ในเศษเหล็กและวัตถุดิบเช่น ฟอสฟอรัส กำมะถัน และธาตุอื่นที่เจือปนอยู่ในเศษเหล็กเช่น โบรอน เป็นต้น จึงต้องคัดเลือกเศษเหล็กที่ใช้เป็นวัถุดิบอย่างพิถีพิถัน และ เตรียมเศษเหล็กที่สะอาดและต้องมีเติมส่วนผสมทางเคมีด้วยธาตุต่างๆลงไปในการหลอมอย่างแม่นยำเพื่อที่จะหลอมเหล็กหรือโลหะให้เป็นไปตามข้อกำหนด จึงเหมาะกับใช้กับงาน เหล็กหล่อ(Cast Iron) เหล็กเหนียวหล่อ (Cast Steel) เหล็กพิเศษ (Special Steel) เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) และโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก(Non-ferrous materials)เช่น ทองแดง ทองเหลือง อลูมิเนียม

อีกทั้งยังเหมาะกับการหลอมครั้งละไม่มาก เช่น 10-20 ตันหรือมักจะไม่เกิน 30 ตัน เพราะลักษณะการหลอมแบบเหนี่ยวนำด้วยไฟฟ้าที่มีการกวนวนต่ำทำให้ควบคุมความสม่ำเสมอของเนื้อเหล็กได้ยาก จึงต้องจำกัดปริมาณการผลิตต่อครั้งไว้ดังกล่า

3. ทำไมจึงมีแต่ข่าวเหล็ก IF ตก มอก. ปกติประเทศไทยมีเศษเหล็กหมุนเวียนใช้งานประมาณปีละ 4.5 ล้านตัน เป็นกลุ่มเศษเหล็กสะอาดเช่นเศษเหล็กคุณภาพดีจากอุตสาหกรรมรถยนต์ หรือ Clean Scrap ประมาณ 20-30% ที่เหลืออีก 70-80% เป็นกลุ่มที่เรียกว่า Dirty Scrap เช่นเหล็กซาเล้งหรือเศษเหล็กจากงานก่อสร้าง เศษเหล็กเหลือจากการหมดสภาพใช้งาน

สำหรับเศษเหล็กสะอาด clean scrap ส่วนใหญ่ จะถูกซื้อไปใช้งานที่โรงงานหล่อเหล็ก clean scrap ส่วนน้อยที่เหลือและเศษเหล็ก dirty scrapจะกระจายไปใช้ในการผลิตเหล็กเส้น

จากตัวอย่างเพียงแค่ช่วงเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เราทราบจากข่าวทีมสุดซอยตรวจพบปัญหา 3 รายการ เป็นเหล็ก IF ทั้งหมด รายแรก ตก มอก. ด้วยค่าโบรอน และ ความต้านแรงดึง อายัดเหล็กไว้กว่า 7 พันตัน รายที่สอง ถูกอายัดเศษเหล็กปนเปื้อนขยะอิเลคโทรนิกส์จำนวนมาก รายที่สามตรวจพบเหล็กที่ดัดใช้งานแล้วหัก ที่ภูเก็ตนำกลับมาทดสอบแล้ว ตก มอก. ค่าโบรอน เป็นต้น

ทั้งนี้ ถ้าพิจารณาถึงเหตุผลที่อธิบายข้างต้นว่าข้อจำกัดทางเทคนิคของเตา IF นำมาใช้ผลิตเหล็กเส้นด้วย dirty scrap รวมถึงเศษเหล็กปนเปื้อนก็จะเข้าใจได้ว่าสาเหตุหลักที่ไม่สามารถรักษาคุณภาพให้เป็นไปตาม มอก ได้อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากข้อจำกัดของกระบวนการ IF และวัตถุดิบที่ใช้ ซึ่งก็เป็นเหตุผลหลักที่การผลิตเหล็กเส้นก่อสร้างด้วยเตา IF ไม่เป็นที่ยอมรับในหลายประเทศ

4. ประสบการณ์การแก้ปัญหาของประเทศจีน ปัญหาเหล็ก IF ไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐานและการก่อปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศจีนที่เรื้อรังอยู่เป็นเวลานาน คือสาเหตุหลักที่ทำให้ ในปี 2560 รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดสั่งห้ามการผลิตเหล็กเส้นก่อสร้างจากเตาIF และถัดมาในปี 2561 ได้ปรับปรุงมาตรฐานเหล็กเส้นก่อสร้างของประเทศจีน GB/T1499.2-2018: Steel for the reinforcement of concrete กำหนดกรรมวิธีการผลิตเหล็กว่าต้องผ่าน Basic Oxygen Furnace และ EAF เท่านั้น

5. สถานการณ์ที่ต้องตระหนักและตัดสินใจ จากข้อมูลตัวอย่างเฉพาะปี 2567ประเทศไทยมีการผลิตเหล็กเส้นก่อสร้างประมาณ 2.8 ล้านตัน โดย IF มีส่วนแบ่งตลาดราว 55% หรือประมาณ 1.6 ล้านตันที่จำหน่ายออกสู่ท้องตลาด นี่คือปริมาณเพียง1 ปีที่เหล็ก IF ได้เข้าไปอยู่ในสิ่งก่อสร้างทั้งสาธารณะและอาคารบ้านเรือนต่างๆ แล้ว กลุ่มเหล็ก สภาอุตฯ พิจารณาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลทางเทคนิค และติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด มีความเชื่อมั่นในการทำงานอย่างหนักด้วยความทุ่มเท และโปร่งใสของกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การนำของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และทีมที่ปรึกษา ทีมผู้บริหาร ทีมสุดซอย

รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อยุติสภาพการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้โดยทันทีและแก้ปัญหาที่รากเหง้าอย่างถึงที่สุด เพื่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของสาธารณชน กลุ่มเหล็ก สภาอุตฯ อยากสื่อสารให้สังคมได้เข้าใจสิ่งที่สังคมของเรากำลังเผชิญอยู่และพิจารณาช่วยกันให้กำลังใจสนับสนุนภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

แหล่งที่มา.กรุงเทพธุรกิจ

นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

© สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2565 อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย